พระเกจิเมืองดอกบัว
หลวงปู่คำบุ คุตตจิตโต
วัดกุดชมภู อ.พิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานี
![]() |
![]() |
![]() |
" หลวงปู่คำบุ คุตตจิตโต" หรือ "พระครูพิบูลนวกิจ" เป็นพระเกจิอาจารย์ชื่อดังวัดกุดชมภู ต.กุดชมภู อ.พิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานี เชี่ยวชาญวิทยาคมเป็นที่เลื่องลือ จนได้รับการยกย่องว่าเป็นพระเกจิอาจารย์ระดับแนวหน้าแห่งภาคอีสาน
อีกทั้งยังเป็นศิษย์สืบสายพุทธาคมจากพระวิโรจน์รัตโนบล หรือ "หลวงปู่รอด นันตโร" วัดทุ่งศรีเมือง และอดีตเจ้าคณะจังหวัดอุบลราชธานี พระเกจิอาจารย์ผู้มีชื่อเสียงเลื่องลือเมื่อครั้งอดีต
เกิดในสกุล คำงาม เมื่อวันที่ 1 ม.ค. 2465 ณ บ้านกุดชมภู เป็นบุตรชายคนสุดท้องของพี่น้องทั้งหมด 6 คน
หลังจบการศึกษาชั้นประถมปีที่ 4 จากโรงเรียนประชาบาลในหมู่บ้านแล้ว ช่วยงานครอบครัวหาเลี้ยงชีพด้วยความขยันขันแข็ง ยามว่างจากงานที่บ้าน มักจะเข้าวัดช่วยงานต่างๆ
เมื่อเจริญวัยขึ้น มีอายุอันสมควร บิดามารดาจึงให้บรรพชาในปี พ.ศ.2482 ณ วัดกุดชมภู มีพระครูญาณวิสุทธิคุณ(กอง) วัดตากโพธิ์ เป็นพระอุปัชฌาย์
จากนั้นก็มีโอกาสเดินทางไปกราพระวิโรจน์รัตโนบล (หลวงปู่รอด นันตโน) วัดทุ่งศรีเมือง เจ้าคณะจังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งได้รับความเมตตาเป็นอย่างดี
ด้วยอุปนิสัยเป็นผู้ใฝ่เรียนรู้ มีโอกาสได้กราบ ฝากตัวเป็นศิษย์กับพระอาจารย์รอด วัดบ้านม่วง ผู้เป็นศิษย์อุปัฎฐากของหลวงปู่รอด วัดทุ่งศรีเมือง
สำหรับพระอาจารย์รอด เคยอยู่รับใช้อุปฏฐาก หลวงปู่รอด วัดทุ่งศรีเมือง จวบจนท่านมาณภาพ พระอาจารย์รอดได้กลับมาจำพรรษาที่วัดบ้านม่วง ตามเดิม
พระอาจารย์รอด วัดบ้านม่วง ถือเป็นพระเกจิรูปหนึ่งที่มีวิทยาคมแก่กล้า อีกทั้งเป็นคนบ้านเดียวกัน ด้วยความที่สามเณร คำบุ เป็นผู้มีนิสัยสงบ เรียบร้อย พระอาจารย์รอดจึงได้ถ่ายทอดสรรพวิชาและวิทยาคมต่างๆ ให้โดยไม่ปิดบัง
ขณะเดียวกัน การศึกษาในสมัยสามเณร ท่านไปอยู่ที่วัดมุจลินทาราม (วัดดอนจิก) อ.พิบูลมังสาหาร เป็นเวลา 2 ปี เพื่อศึกษาพระธรรมวินัยกับญาท่านสา เจ้าอาวาสอยู่ขณะนั้น พ.ศ.2484 สอบได้นักธรรมชั้นตรี และ พ.ศ.2485 สามารถสอบได้นักธรรมชั้นโท
ครั้นอายุ 21 ปี ได้เข้าพิธีอุปสมบท เมื่อปี พ.ศ.2485 ณ พัทธสีมาวัดมุจลินทาราม ต.ดอนจิก อ.พิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานี มีพระครูสาธุธรรมจารี หรือญาท่านสา วัดดอนจิก เป็นพระอุปุชฌาย์, ญาท่านแพง เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และญาท่านเนียน เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับนามฉายาว่า คุตตจิตโต มีความหมายว่า ผู้มีอันคุ้มครองและรักษาดีแล้ว
จากนั้นจึงได้ไปเรียนวิชากับพระอาจารย์รอดที่วัดบ้านม่วงจนแตกฉาน ก่อนจะออกเดินทางแสวงหาพระอาจารย์ที่มีความชำนาญด้านวิทยาคมหลายรูป แล้วกลับมาจำพรรษาอยู่วัดกุดชมภูจนถึงปัจจุบัน
แต่ก็คงเดินทางไปเรียนนักธรรมชั้นเอกที่วัดมุจลินทารามเช่นเดิม จนสามารถสอบนักธรรมชั้นเอกได้ ในปี พ.ศ. 2486
พ.ศ.2492 เดินทางไปศึกษาพระปริยัติธรรม แผนกบาลี ที่วัดบ้านเปลือยหัวดง ต.เปื่อย อ.ลืออำนาจ จ.อุบลราชธานี (ปัจจุบันเป็นจังหวัดอำนาจเจริญ) นอกจากนี้ ยังได้ไปกราบฝากตัวเป็นศิษย์ญาท่านรอด วัดอัมพวันบ้านโน่นม่วง ต.กุดชมภู อ.พิบูลมังสาหาร จ.อบลราชธานี
ญาท่านรอด เมตตาสอนวิปัสสนากัมมัฏฐาน คือ การพิจารณา กาย เวทนา จิต ธรรม โดยบริกรรมว่า พองหนอ ยุบหนอ และวิทยาคมต่างๆ เช่น วิธีทำตะกรุดและวิชาจารหลังเข้าน้ำมันงาดิบ
ท่านยังให้ความสนใจด้านวิทยาคม ในยุคนั้น หลวงปู่ผาง จิตตคุตโต วัดอุดมคงคาคีรี อ.มัญจาคีรี จ.ขอนแก่น, หลวงปู่แดง วัดสว่างวงศ์ อ.พิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานี หลวงปู่ทองดี วัดบ้านสร้างแก้วเหนือ ต.โพธิ์ไทย อ.พิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานี มีชื่อเสียงโด่งดังด้านวิทยาคม ท่านจึงเดินทางไปขอฝากตัวเป็นศิษย์จบครบทุกรูป
ต่อมาวัดกุดชมภูขาดแคลนพระผู้ใหญ่ที่จะพัฒนาวัดให้เจริญรุ่งเรือง บรรดาญาติโยมจึงนิมนต์ให้มาจำพรรษาที่วัดกุดชมภู ด้วยความเป็นพระปฎิบัติดีปฎิบัติชอบเคร่งครัดพระธรรมวินัย ทำให้ชื่อเสียงของท่านเป็นที่รู้จักอย่างรวดเร็ว
พ.ศ.2494 ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาส ลำดับสมณศักดิ์ พ.ศ.2523 ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตร เจ้าคณะตำบลชั้นตรี ในราชทินนามที่ พระครูพิบูลนวกิจ พ.ศ.2528 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรเจ้าคณะตำบลชั้นโท ในราชทินนามเดิม
พ.ศ.2535 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตร เจ้าคณะตำบลชั้นเอกในราชทินนามเดิม
ในแต่ละวันมีผู้เลื่อมใสศรัทธา เดินทางมากราบนมัสการ รับฟังธรรม ประพรมน้ำพระพุทธมนต์ไม่ขาดสาย รวมทั้งปรารถนาให้ท่านประกอบพิธีลงเหล็กจารอักขระธรรมอักษรลาวลงบนแผ่นหลัง
การจารอักขระธรรมลงแผ่นหลังของหลวงปู่คำบุ ถือเป็นกุศโลบายทางธรรมเพื่อบ่งบอกถึงความประมาทเป็นบ่อเกิดแห่งความตายหรือความหายนะ ดังนั้น ควรตั้งมั่นมิให้อยู่ในความประมาท ที่สำคัญถ้าท่านได้จารอักขระธรรมได้ครบถึง 7 ครั้ง ว่ากันว่าอักขระธรรมจะฝังลึกถึงกระดูกและถ้าประพฤติตนอยู่ในศีลธรรม ปฎิบัติตามคำสอนของครูบาอาจารย์อย่างเคร่งครัดจะทำให้เกิดความแคล้วคลาดปลอดภัยจากภยันตรายทั้งปวง
ด้วยสังขารเป็นสิ่งไม่เที่ยง หลวงปู่คำบุมีอาการอาพาธด้วยโรคถุงลมโป่งพองและลิ้นหัวใจรั่ว ซึ่งหลวงปู่ได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่อง กระทั้งมีอาการเหนื่อยหอบ จึงถูกส่งตัวมารักษาที่โรงพยาบาลศิริราช ตึก 84 ปี ชั้น 10 เมื่อวันที่ 19 ธ.ค. 2556
กระทั้ง วันที่ 11 ก.พ. 2557 เวลา 14.51น. หลวงปู่คำบุ ได้มรณภาพลงอย่างสงบ ด้วยภาวะหัวใจล้มเหลวและมีเลือดออกในปอด
จากนั้นคณะศิษยานุศิษย์ ได้เคลื่อนศพไปยังวัดกุดชมภู จ.อุบลราชธานี ตั้งศพบำเพ็ญกุศลหลวงปู่คำบุ ที่ศาลาการเปรียญหลังใหญ่ ให้ศิษยานุศิษย์ทั้วไปเข้ากราบไหว้ตั้งแต่เช้าวันที่ 13 ก.พ. 2557 มีกำหนด 100วัน โดยวัดจัดพิธีสวดพระอภิธรรมทุกวัน
ขอขอบพระคุณท่านผู้ใหญ่ที่ให้ข้อมูล "เสี่ยปอ" เชียงใหม่ ด้วยความเคารพอย่างสูงยิ่ง
หน้าที่เข้าชม | 1,925,214 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 1,424,773 ครั้ง |
เปิดร้าน | 29 ต.ค. 2559 |
ร้านค้าอัพเดท | 1 ก.ย. 2568 |